ผลผลิต

เสาวรส ฟ้าประทาน ฟาร์ม พันธุ์หม่าเทียนซิน
“Faprathan Passion Fruit”

ด้วยความโดดเด่นของสภาพแวดล้อม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอากาศเย็นสบายทั้งปี ฝนชุก และมีสภาพเป็นเนินเขา ระบายน้ำได้ดี ทำให้ฟ้าประทานฟาร์ม ประสบความสำเร็จในการปลูกผักและไม้ผลนานาชนิด เช่น กล้วยหอมทอง มะละกอ ผักสลัด พุทรานมสด ฯลฯ ในปี พ.ศ.2563 ฟ้าประทานฟาร์ม จึงได้ทำการปลูกเสาวรส พันธุ์หม่าเทียนซินจากต่างประเทศ ซึ่งได้ทดสอบคัดเลือก แล้วว่าเหมาะกับสภาพพื้นที่ ผลผลิตมีคุณภาพสูง รสหวาน เหมาะสมกับการรับประทานเป็นเสาวรสผลสด

คุณสมบัติและลักษณะทั่วไปของเสาวรสและเสาวรสพันธุ์หม่าเทียนซิน (ไต้หวัน)

เสาวรส (Passion Fruit) หรือกระทกรกฝรั่ง เป็นไม้ผล ประเภทเถาเลื้อย สกุล Passiflora ตระกูล Passifloraceae ลักษณะต้นเป็นเถา มีมือเกาะออกตาม ซอกใบ และมีผลสุกสีแตกต่างกันตามสายพันธุ์ พันธุ์ผลสีม่วง มีรสชาติดี มีกรดต่ำ และหวาน เหมาะสำหรับรับประทานผลสด

สามารถป้อนผลผลิตเข้าโรงงานได้ทั้งปี

เสาวรสพันธุ์หม่าเทียนซิน เป็นเสารสพันธุ์ดี จากประเทศ ใต้หวัน เปลือกสีม่วง มีรสชาติหวานหอม กลมกล่อม เปลือกหนา ขนส่งไกล ๆ ไม่ช้ำง่าย

มาตรฐานการผลิตเสาวรส
ฟ้าประทานฟาร์ม ดำเนินการผลิตเสาวรสตามมาตรฐานการ ปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice : GAP)

มาตรฐาน เสาวรสของฟ้าประทานฟาร์ม
ขนาดมาตรฐาน ขนาด 13-16 ผล ต่อ กก.
ขนาดพิเศษ ขนาด 10-12 ผล ต่อ กก.

การปลูกแบบให้น้ำ
พื้นที่ปลูกฤดูแล้งสามารถให้น้ำได้ โดยใช้ระบบ Mini-Sprinkler เสาวรสจะมาสามารถให้ผลผลิตได้ทันทีเมื่ออายุ ประมาณ 5-7 เดือน หลังจากปลูก และให้ผลผลิตตลอดปี ดังนั้นจึงสามารถปลูกได้ทุกช่วงเวลา

การเตรียมพื้นที่
พื้นที่ปลูกควรมีแสงแดดจัด ไม่ควรมีน้ำขัง และลาดชันมากเกินไป ในเขตที่ฝนตกชุก เสาวรสจะติดผลไม่ค่อยดีถ้าดินมีความเป็นกรด-ด่าง ต่ำกว่า 5.5 ควรใส่ปูนขาว ขุดหลุมปลูกให้มีระยะ 3X4 เมตร หลุมควรมีขนาด 30X30X30 เซนติเมตร และอยู่โคนเสาค้าง รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์และเศษวัชพืช และปุ๋ยเคมี 5-24-24 จำนวน 100 กรัมต่อต้น จากนั้นผสมดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ใส่ลงในหลุมอีกครั้ง

การปลูก
กรณีที่ปลูกด้วยพันธุ์ที่เปลี่ยนยอด ต้องให้รอยต่อที่เสียบสูงกว่าระดับดิน เมื่อปลูกแล้วให้ใช้หลักไม้ไผ่ผูกเถายึดติดกับหลักหรือเสาค้าง เพื่อให้ยอดตั้งตรง และต้องคอยผูกเถากับหลักอยู่เสมอ ๆ

การทำค้าง
ต้องแข็งแรงสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 3 ปี ต่อการปลูก 1 ครั้ง และต้องทำค้างก่อนปลูกหรือทำทันทีหลังปลูก เพื่อให้ทันต่อการเจริญเติบโต ซึ่งหากทำค้างช้าเสาวรสจะให้ผลผลิตช้า

การจัดทรงต้นและการเลี้ยงเถา
ต้องให้เสาวรสมีลำต้นเดียวตั้งแต่ระดับดิน จนถึงค้างในระยะนี้ต้องคอยตัดหน่อที่งอกจากต้นตอและกิ่งข้างออกให้หมด และต้องมัดเถาให้เลื้อยขึ้นตั้งตรงตลอดเวลา เสาวรสที่เสียบยอดจะติดผลเร็ว ต้องหมั่นเด็ดผลทิ้งจนเถาให้กระจายออกไป และควรตัดยอดของทุกเถาอีกครั้งเมื่อยาวพอสมควร

การดูแลรักษา
การใส่ปุ๋ย ปุ๋ยอินทรีย์ ต้องใส่อย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง ใส่พร้อมกับการเตรียมดินก่อนปลูกและหลังเก็บเกี่ยว ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักประมาณ 5-6 กิโลกรัม ต่อต้นต่อปี ใช้วิธีโรยเป็นแถวระหว่างต้นหรือโรยรอบต้น

ปุ๋ยเคมี
ปีที่ 1 หลังปลูกอายุ 4-5 เดือน ใส่สูตร 15-15-15 ช่วงติดผลถึงสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว ใส่สูตร 8-24-24 อัตรา ใส่เดือนละครั้ง ปีที่ 2-3 หลังตัดแต่งถึงเริ่มติดผล สูตร 15-15-15 และสูตร 46-0-0 ผสมกันใส่ โดยแบ่งใส่เดือนละครั้ง ช่วงติดผลปฏิบัติเช่นเดียวกับปีที่ 1

การให้น้ำและกำจัดวัชพืช
เพื่อให้ได้ผลผลิตทั้งปีต้องให้น้ำในฤดูแล้ง 7 วัน ต่อครั้ง เมื่อเริ่มติดลูก ให้น้ำทุกวัน ยกเว้นวันที่มีฝน สำหรับวัชพืชต้องหมั่นกำจัดอยู่เสมอ หลังจากที่เถาเต็มค้างแล้ววัชพืชจะน้อยลง

การปลิดผล
ต้องปลิดผลที่คุณภาพต่ำทิ้ง เช่น ผลเน่า ผลบิดเบี้ยว ผลแตก ใน 1 เถา จะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีเป็นชุด ชุดละ 3-4 ผล หลังจากติดผล 1 ชุดแล้ว ผลชุดต่อไปจะมีขนาดเล็ก และอาจมีโรค แมลง ดังนั้นจึงต้องปลิดผลทิ้งอย่างสม่ำเสมอ

การตัดแต่งเถา
เนื่องจากเสาวรสเป็นไม้ผลที่ออกดอกบนกิ่งใหม่ จึงต้องมีการตัดแต่งกิ่ง โดยส่วนมากจะทำการตัดแต่งหนัก 1 ครั้ง หลังสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ โดยตัดเถาโครงสร้างที่เกิดจากลำต้นให้เหลือ 3-4 กิ่งยาว แต่ละกิ่งยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะแตกตาข้างเกิดยอดใหม่ที่สมบูรณ์ จึงควรตัดแต่งอีกครั้ง

การเก็บเกี่ยว และการคัดแยก
ผลเสาวรสจะถูกคัดเลือกเก็บเกี่ยวตามความสุกที่เหมาะสม พร้อมทั้งผิวและลักษณะผล ตามมาตรฐาน หลังจากนั้นจะต้องผ่านการคัดคุณภาพตามมาตรฐาน โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ คุณภาพอีกครั้งหนึ่ง ก่อนการบรรจุหีบห่อส่งให้ลูกค้า

คุณประโยชน์ของเสาวรส
เสาวรส มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของสารอาหารโดยเฉพาะไฟเบอร์ วิตามินซี และโปรวิตามินเอ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสายตาที่ดี และสารจากพืชที่มีประโยชน์ เช่น แคโรทีนอยด์ และโพลีฟีนอล นอกจากนั้น ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะเสาวรสมีทั้งวิตามินซี คือ (ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน) เบต้นแคโรทีน และโพลีฟีนอล (ต้านการอักเสบ-ลดความเสี่ยงของการอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ